‘ร้านกาแฟ’ เปิดอย่างไร? ธุรกิจในฝันที่ไม่มีวันตาย
ข้อมูล จาก
http://money.sanook.com/170944/
หากเอ่ยถึง 'ธุรกิจกาแฟ' คาดว่าเป็นธุรกิจของมนุษย์เงินเดือนอย่างเรานั้น มีความต้องการเปิดร้านมากที่สุด เนื่องจากเป็นการลงทุนที่สามารถควบคุมได้ ทั้งต้นทุน-กำไรและงบดุลที่คาดว่าจะขึ้นลงตามฤดูกาล ดังนั้นการเปิดร้านกาแฟจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนที่ต้องการเป็นเจ้าของร้านเอง
ชี้จุดยืนด้วยการเริ่มต้นวางแผนธุรกิจกาแฟ
ธุรกิจร้านกาแฟ มีอัตราการเติบโตรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุหลักๆ อาจสืบเนื่องมาจากธุรกิจร้านกาแฟรายใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในธุรกิจนี้ สภาพดังกล่าวสร้างความคึกคักและตื่นตัวให้กับวงการธุรกิจกาแฟเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน กระแสความนิยมการดื่มกาแฟของคนไทยก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมคนไทยนิยมดื่มกาแฟสำเร็จรูปกันเป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันคนไทยได้หันมานิยมเข้าร้านกาแฟสดคั่วบดที่มีการตกแต่งร้านให้หรูหราทันสมัย สะดวกสบาย มีบรรยากาศที่รื่นรมย์สำหรับการดื่มกาแฟมากขึ้น เฉลี่ย 200 แก้ว/คน/ปี (ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปี 2555)
มองการณ์ไกลในอนาคตของตลาดกาแฟ
ดังนั้นจึงวิเคราะห์ได้ว่าอัตราการดื่มกาแฟของคนไทยในอนาคตยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เหตุนี้ทำให้นักลงทุนจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนในธุรกิจร้านกาแฟ สภาพการแข่งขันในตลาดโดยรวมจึงดูเหมือนจะรุนแรง แต่เนื่องจากร้านกาแฟส่วนใหญ่ที่มีในปัจจุบัน มักเน้นการขายสินค้าและบริการเสริมอื่นๆ เช่น ขนมเค้ก คุกกี้ แซนด์วิช บางแห่งมีบริการอินเตอร์เน็ตให้กับลูกค้าด้วย เมื่อแต่ละร้านมีจุดขายที่เป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค แตกต่างกันไป ประกอบกับคอกาแฟในตลาดยังมีหลายกลุ่ม การแข่งขันในตลาดจึงยังไม่รุนแรงหรือชัดเจนเท่าใดนัก แต่อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในอนาคตมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น
เทคนิคสำคัญของการเริ่มต้นธุรกิจร้านกาแฟ
ทั้งนี้ก่อนเริ่มทำธุรกิจผู้ประกอบการควรเลือก 'ทำเล' ที่ตั้งให้เหมาะสม ศึกษาว่ากลุ่มลูกค้ามีพฤติกรรมชอบดื่มกาแฟมากน้อยแค่ไหน คู่แข่งเยอะไหม จุดไหนที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกดื่มกาแฟของร้าน หรืออะไรที่ทำให้ธุรกิจแตกต่างไปจากร้านอื่นๆ ผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการเข้ามาลงทุน ควรสร้างความแตกต่างไปจากผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาด ทั้งรูปแบบการตกแต่งร้านกาแฟและรสชาติของสินค้า สิ่งเหล่านี้ผู้ประกอบการจะต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจเปิดธุรกิจร้านกาแฟ
มองกลุ่มเป้าหมายให้เฉียบ
ร้านกาแฟในปัจจุบัน มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ได้แก่ นักธุรกิจ นักศึกษา คนทำงาน และนักท่องเที่ยว มุ่งไปที่การขายกาแฟเป็นหลัก หรือบางร้านกาแฟบางแห่งก็มีชื่อเสียงในเรื่องขนม ของว่าง เช่น เค้ก คุกกี้ ไอศกรีม สลัด แซนด์วิช ที่นำมาขายเป็นธุรกิจเสริมร่วมกับกาแฟ ฉะนั้นผู้ลงทุนที่สนใจหรือตัดสินใจในการลงทุนร้านกาแฟ จึงอาจหาสินค้าเสริมเข้ามาขายร่วมกับกาแฟ เพื่อดึงกลุ่มลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น
รูปแบบการลงทุนร้านกาแฟ
ธุรกิจร้านกาแฟมีลักษณะการลงทุนใน 3 รูปแบบหลักๆ ดังนี้
ร้านสแตนอะโลน (Stand - Alone) เป็นอาคารอิสระหรือห้องเช่าที่มีพื้นที่ประมาณ 50 ต.ร.ม. ขึ้นไป ร้าน Stand - Alone อาจตั้งอยู่ตามย่านชุมชน ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน หรือพลาซ่าใหญ่ๆ
คอร์เนอร์ (Corner/Kiosk) ร้านกาแฟขนาดกลาง ใช้พื้นที่ประมาณ 6 ต.ร.ม.ขึ้นไป ลักษณะเป็นมุมกาแฟภายในอาคาร ศูนย์การค้า หรือพลาซ่า ร้านกาแฟประเภทนี้อาจจัดให้มีที่นั่ง จำนวนเล็กน้อย
รถเข็น (Cart) ร้านกาแฟขนาดเล็ก ใช้พื้นที่ประมาณ 3 ต.ร.ม. สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก หาทำเลที่ตั้งได้ง่าย ทำให้เข้าถึงตลาดได้ทุกระดับ
4 เทคนิค การสร้างแบรนด์สำหรับร้านกาแฟ
การสร้างแบรนด์ตราสินค้า คือ การสร้างความแตกต่างของตัวสินค้าในที่นี้คือกาแฟและร้านกาแฟ ให้เกิดขึ้นในจิตใจของลูกค้า หมายถึงว่าถ้าลูกค้าคิดถึงร้านกาแฟที่ตัวเองชอบก็จะนึกร้านของคุณขึ้นมาทันที โดยมีทริควิธีการตั้งชื่อร้านง่ายๆ คือ ชื่อร้าน การตั้งชื่อร้านที่ดี นั้นคือต้องง่ายต่อการจดจำ การสร้างเรื่องราว ให้คนสนใจและจดจำ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ต้องพิจารณาว่าตรงกับกลุ่มเป้าหมายหรือเปล่า และ ตัวอักษรโลโก้ ตราสินค้า จะใช้ตัวอักษรแบบไหนที่ลูกค้าเห็นและจำได้ทัน โดยหลักการถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็ให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่จะจดจำง่ายกว่าตัวพิมพ์เล็ก และที่สำคัญคือเรื่องของสี คนส่วนใหญ่จะนึกถึงกาแฟก็จะนึกถึงสีน้ำตาล น้ำตาลอ่อนและน้ำตาลเข้ม เป็นต้น
การเลือกซื้ออุปกรณ์เข้าร้านกาแฟ
หลายต่อหลายคนหมดค่าใช้จ่ายไปกับการซื้อเครื่องชงกาแฟหลายแสน เปิดได้สักปีก็ปิดกิจการขายเครื่องคืนเหลือไม่กี่บาท หรือขายไม่ได้ การเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟและอุปกรณ์กาแฟนั้นเป็นสิ่งถูกต้องที่สุดว่า เครื่องชงราคาแพงจะได้คุณภาพน้ำกาแฟที่ดีด้วย แต่ถ้าซื้อเครื่องขนาดสองแสนกว่าบาทมาชงขายแก้วละ 20 - 35 บาท ปกติราคานี้หักค่าวัตถุดิบ ไม่รวมค่าเช่า ค่าพนักงาน จะมีกำไรประมาณ 10 กว่าบาท เอาไปหารค่าเครื่องเอาว่าเมื่อไหร่จะคืนทุน ดังนั้นวิธีการเลือกเครื่องชงกาแฟที่ดีที่สุดเลือกให้เหมาะกับขนาดธุรกิจและกลุ่มลูกค้า เช่น ถ้าจะขายสัก 30 - 35 บาท ก็เครื่องชงสัก 5 หมื่นก็ได้ ถ้าจะขายสัก 40 - 50 บาทขึ้นไปก็สามารถใช้เครื่องเป็นแสนได้เลย เพราะอย่างน้อยคุณคงมีเงินค่าแต่งร้านอีกหลายแสนอยู่
ประเภทของกาแฟที่ควรมีในร้าน
เอสเพรสโซ คือ กาแฟที่ถูกเตรียมด้วยเครื่องเอสเปรสโซ แมชีน และใช้กาแฟคั่วระดับที่เข้มบดละเอียดให้รสชาติเข้มข้น นิยมใช้กาแฟอราบิก้า จะเสริฟในถ้วยขนาดเล็กไม่เกิน 1.5 ออนซ์ ซึ่งกาแฟเอสเปรสโซ่จะเป็นตัวเบสพื้นฐานในการชงกาแฟอื่นๆ
กาแฟอเมริกันโน่ คือ กาแฟ เอสเพรสโซ + น้ำร้อน
กาแฟลาเต้ คือ กาแฟเอสเพรสเข้มข้นประมาณ 1.5 ออนซ์ + นมร้อน ประมาณ 6 ออนซ์และแต่งด้วยฟองนมเล็กน้อย ด้านบน รสชาติจะหอมละมุ่นด้วยกลิ่นนมและกาแฟ
กาแฟคาปุชิโน่ คือ กาแฟเอสเพรสโซ + นมร้อน 1 ส่วน และฟองนม 1 ส่วน และนิยมโรยหน้าด้วยผงซินนาม่อนหรือผงช็อกโกแลต
กาแฟมอคค่า คือ เอสเพรสโซ่ น้ำเชื่อมช็อคโกแลต นมร้อน และปิดหน้าด้วย วิปปิ้งครีม แต่งหน้าด้วยผงช็อคโกแลต
กาแฟเฟรนเพรส คือ การชงกาแฟด้วยแก้ว French Press เวลา ดื่มจะต้องกดก้านกรองของแก้วลงก้านตะแกรงกรองจะแยกชั้นระหว่างน้ำกาแฟและผง กาแฟ ซึ่งวิธีการชงแบบนี้จะพบได้ตามร้านอาหาร โฮมเมท ตามสุขุมวิทหรือสีลม
วิธีการบริหารร้านเบื้องต้นสำหรับมือใหม่หัดขาย
สิ่งสำคัญที่เป็นองค์ประกอบหลักในการทำธุรกิจคือ เจ้าของร้าน โดยเฉพาะถ้าเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่เจ้าของเป็นผู้บริหารเอง ทั้งนี้ ขอกล่าวในลักษณะที่ เจ้าของบริหารเอง หากเป็นเจ้าของจ้างคนอื่นมาบริหารหรือจ้างผู้จัดการร้าน และไม่เอาใจใส่ บอกได้เลย เตรียมตัวให้ดีกับปัญหาที่ตามมา นอกจากนี้เจ้าของร้านเองจะต้องมีความสุขกับการค้าขาย มีความมุ่งมั่นเป็นแรงบันดาลใจอย่างยิ่งใหญ่ในการที่จะทำธุรกิจ มีความพร้อมและความอดทนที่จะเป็นนายคนอื่น มีทุนทรัพย์ (เงินลงทุน) ที่เพียงพอต่อการทำธุรกิจ
What's happen?
1. สำรวจความพร้อมของตนเองพร้อมหรือยัง?
2. มีเงินออมมากพอไหม และที่สำคัญมีเวลาให้กับธุรกิจกาแฟที่คุณรักหรือยัง?
3. หาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจกาแฟและร้านกาแฟแล้วหรือยัง?
4. มองหาทำเลทองสำหรับเปิดร้านกาแฟได้หรือยัง?
หากพร้อมแล้วเตรียมตัวสตาร์ท...การเปิดร้านกาแฟธุรกิจไม่มีวันตายกันได้เลยครับ
คัดมาให้ เฉพาะที่สำคัญๆนะครับ
- ข้อมูล จาก http://money.sanook.com/170944/